วันที่ 1 กันยายน 2553
ในชีวิตคนคนนึง...ไม่สามารถที่เรียกร้องความรักจากใครได้
แม้ว่า..ความรักนั้นไม่ใช่ในแบบชู้สาวก็ตาม
แต่เมื่อ เจอกับใครหนึ่งคน...ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
แล้วเค้าคนนั้นทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นเค้าเป็นแรงบัลดารใจในหลายๆเรื่อง
ก็ใช่ว่าเราจะแอบรัก..แต่..แค่แอบปลื้ม
ทุกๆวันที่เจอหน้ากันแค่ยิ้มให้เป็นบางครั้ง พูดันบ้างเป็นครั้งคราว
เป็นไปได้ไหมที่เราจะรู้จักกันมากกว่านี้....
พูดคุยกันมากกว่านี้ ทักทายกันมากกว่านี้
มันคงเป็นได้แค่เพียงความฝัน...แต่...
.....มันก็ทำให้เรามีความสุขที่อย่างน้อยที่เราก็ยังรู้จักกัน
วันที่ 16 กันยายน 2553
ในทุก ๆ คืน เด็กหญิงคนหนึ่งชอบนั่งเหม่อมองที่ริมหน้าต่างเล็ก ๆ ในห้องนอนของเธอ เพราะตรงหน้าต่างห้องนั้น เธอจะมองเห็นประตูหน้าบ้าน และที่ประตูหน้าบ้าน เธอหวังจะได้เห็นการกลับมาของผู้เป็นพ่อ แม่มักบอกเธอเสมอว่าชีวิตอาจไม่ได้ดั่งใจไปเสียทุกอย่าง และพ่อก็พบทางใหม่ที่ดีกว่าเธอกับแม่ เขาจึงจะไม่มีวันกลับมาแล้ว เธอเข้าใจ แต่ยังมีความหวัง และคิดเสมอว่าตัวเองเป็นเด็กดี ดังนั้น พ่อจะต้องกลับมา หากแต่ในวันสุดท้ายที่เธอยังมีความหวังพ่อก็ไม่เคยกลับมา เด็กหญิงคนนั้น เติบโตขึ้นมาพร้อมความว่างเปล่าในจิตใจ เธอโทษว่าเป็นความผิดของแม่ ที่ทำให้พ่อไปจากเธอ และเฝ้ามองหาผู้ชายสักคนมาเติมเต็มความว่างเปล่านั้นแทนพ่อ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็ได้พบผู้ชายคนหนึ่งที่ดีพร้อม เธอคิดว่า "การเป็นเด็กดี" จะทำให้เขาอยู่กับเธอตลอดไป เธอจึงพร้อมทุ่มเททุกอย่างเพื่อเขา ชีวิตของเธอมีแต่เขา
แต่แล้วผู้ชายคนนั้นกลับบอกว่า เขาอึดอัดกับการอยู่ข้าง ๆ เธอ ความรักที่มากเกินไปของเธอทำให้เขาเดือดร้อน และขอให้เธอปล่อยเขาไป ดวงตาคู่เดิม ต้องมองผู้ชายที่รักมากเดินจากไปอีกครั้ง การเป็น "เด็กดี" ช่วยอะไรไม่ได้ และคราวนี้เธอก็โทษแม่ไม่ได้
เธอกลับมาที่บ้าน นั่งเหม่อมองออกไปที่หน้าต่างบานเดิม ความเศร้าทำให้เธอกินอะไรไม่ลง แม้ท้องจะหิวโหย เธอไม่รู้สึกอยากดูแลร่างกายที่ไร้ค่าของเธออีกต่อไป เฝ้านึกโทษโชคชะตา ที่กลั่นแกล้งให้เธอไร้พ่อ และไร้คนรัก ในช่วงเวลาแห่งความเศร้านั้น เธอคิดที่จะฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นวิธีเรียกร้องความรักจากคนที่ไม่รักเธอได้ดีที่สุด เธอจึงเดินไปที่ประตูห้องนอน ตั้งใจจะออกไปที่ดาดฟ้าของบ้าน แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นถาดอาหารของแม่วางอยู่ที่หน้าประตูนั้น
หญิงสาวเพิ่งนึกได้ว่า เธอยังไม่ได้คุยกับแม่เลยตั้งแต่กลับมาที่บ้าน อันที่จริง เธอแทบหลงลืมไปแล้วว่า ยังมีแม่อยู่ในบ้านเดียวกับเธอ เธอจึงออกจากห้องไปตามหาแม่ และพบว่าแม่อยู่ที่หลังบ้านเพียงลำพัง นั่งหลังขดหลังแข็งซักเสื้อผ้าให้เธออยู่เงียบ ๆ บางครั้งแม่ใช้แขนปาดเหงื่อที่หน้าผากอย่างอ่อนล้า แต่ก็ยังคงซักผ้าให้เธอต่อไป ความรู้สึกบางอย่างแล่นเข้ามาสู่หัวใจอย่างน่าละอาย แม่กำลังพยายามทำทุกอย่างเพื่อดูแลเธอ แต่เธอกำลังคิดจะทำร้ายตัวเองเพื่อเหนี่ยวรั้งให้ผู้ชายคนหนึ่งกลับมาแต่แล้วผู้ชายคนนั้นกลับบอกว่า เขาอึดอัดกับการอยู่ข้าง ๆ เธอ ความรักที่มากเกินไปของเธอทำให้เขาเดือดร้อน และขอให้เธอปล่อยเขาไป ดวงตาคู่เดิม ต้องมองผู้ชายที่รักมากเดินจากไปอีกครั้ง การเป็น "เด็กดี" ช่วยอะไรไม่ได้ และคราวนี้เธอก็โทษแม่ไม่ได้
เธอกลับมาที่บ้าน นั่งเหม่อมองออกไปที่หน้าต่างบานเดิม ความเศร้าทำให้เธอกินอะไรไม่ลง แม้ท้องจะหิวโหย เธอไม่รู้สึกอยากดูแลร่างกายที่ไร้ค่าของเธออีกต่อไป เฝ้านึกโทษโชคชะตา ที่กลั่นแกล้งให้เธอไร้พ่อ และไร้คนรัก ในช่วงเวลาแห่งความเศร้านั้น เธอคิดที่จะฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นวิธีเรียกร้องความรักจากคนที่ไม่รักเธอได้ดีที่สุด เธอจึงเดินไปที่ประตูห้องนอน ตั้งใจจะออกไปที่ดาดฟ้าของบ้าน แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นถาดอาหารของแม่วางอยู่ที่หน้าประตูนั้น
หญิงสาวไม่เคยรู้เลยว่า...จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ทุกครั้งที่เธอเฝ้ามองประตูรั้วบ้านผ่านหน้าต่างห้องนอน มีใครคนหนึ่งเฝ้ามองเธอผ่านประตูด้านหลังของเธอเสมอ เธอมัวแต่เดินตามหาความรักที่ไม่มีอยู่ในมือ ทั้งที่ตลอดเวลายังมีอีกหนึ่งรักแท้ที่เดินตามเธออยู่ข้างหลัง เพียงแต่เธอไม่เคยหันกลับไปมองเท่านั้น
อันที่จริง เราทุกคนก็คงมีความรักแบบนี้ รักที่อยู่ใกล้เรามาเสมอ แต่เราทำเป็นมองไม่เห็น เพราะมัวแต่พยายามไขว่คว้าความรักที่ไม่มีอยู่จริง เฝ้าร่ำร้องอยากได้ความรักจากคนที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเรา แต่กลับผลักไสคนที่พร้อมจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อเรา หญิงสาวเดินกลับห้องนอน กินอาหารของแม่จนหมด แล้วเธอก็เดินกลับไปกอดแม่ เธอขอโทษที่ทำให้แม่ต้องเหนื่อยและรักเธอข้างเดียวมาเสมอ แม่กอดเธอ ไม่พูดอะไรมากมาย เพียงแค่ยิ้มอย่างโล่งใจและมีความสุขที่สุดในชีวิต
ความรักไม่เคยหายไปจากชีวิตใคร อยู่ที่ว่าเราจะยอมหันไปมองรักที่เดินตามหลังเรามาบ้างหรือเปล่า อย่ามัวฟูมฟายกับการจากไปของคนที่ไม่ได้รักเรา จนละเลยคนที่เดินตามหลังเรามาเสมอ เมื่อในวันนี้ "รักแท้" มันอยู่ใกล้ชีวิตคุณที่สุดแล้ว
วันที่ 27 กันยายน 2553
วันนี้ อุส่าห์ตื่นแต่...เช้า
รีบอาบน้ำแต่งตัว..ไปเรียน
ข้าวก็ไม่ได้กิน..อดว่างั้น!
เฮ้อ..เหนื่อยจะบ้า
แต่..พอไปถึงหน้าห้อง
อ้าว..! วันนี้เค้าไม่สอน
..ไอ้เราก็คิดว่าเค้าต้องเช็คชื่อ
....เซ็งเรย...
กลับห้องนอนทั้งวัน
ก็วันนี้มีเรียนแค่วิชาเดียวนี่น่า
ชีวิตมหาลัยก็ยังนี่แหละ
จาสอบอีกแร้ว...
...สู้ๆๆ...